วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

 ปัญหาเด็กติดเกมมีความสำคัญอย่างไร


         
            การติดเกมคอมพิวเตอร์มีผลกระทบต่อเด็กหลายด้าน เช่น ปัญหาการเรียน การทำงานสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และสังคม และมีปัญหาพฤติกรรมหลายอย่างตามมา เช่น พูดปด ลักขโมย ก้าวร้าว หนีเรียน หนีออกจากบ้าน ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กที่ติดเกมคอมพิวเตอร์ดังกล่าว มีทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ การนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้เกิดความเครียด หงุดหงิดโกรธง่าย และก้าวร้าว ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมมือกันในการป้องกันและหาแนวทางในการแก้ไข เพราะเด็กปัจจุบันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ซึ่งมีอยู่และเข้าถึงได้ง่ายมากในสังคมปัจจุบัน ปัญหาเด็กติดเกมจึงพบได้บ่อยขึ้นในครอบครัวไทยยุคนี้ ซึ่งสร้างความลำบากใจให้แก่พ่อแม่ เนื่องจากไม่รู้จะบังคับให้ลูกเลิกเล่นเกมอย่างไร อีกทั้งเด็กบางคนติดเกมจนไม่สนใจเรียน ทำให้ผลการเรียนตกลงเรื่อย ๆ หรือบางคนเล่นจนไม่รู้เวลากินเวลานอนกันเลยทีเดียว ทำอย่างไรที่จะทำให้เด็กที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกมไปเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ที่เกิดประโยชน์ และการสร้างเสริมสุขภาพ

เเหล่งที่มา   http://taamkru.com/th/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1/

ปัญหาเด็กติดเกม วิธีสังเกต ป้องกันและแก้ไข


นพ. จิตริน ใจดี จิตแพทย์ประจำศูนย์จิตรักษ์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้บอกถึงพฤติกรรมการติดเกมว่า  โดยธรรมชาติของเกมนั้นมักจะออกแบบมาเพื่อสนองความต้องการของผู้เล่นอยู่แล้ว คือ มักจะให้มีการผ่านด่านเป็นขั้นๆขึ้นไปเรื่อยๆและจะได้รับรางวัลทันทีเมื่อทำภารกิจของเกมสำเร็จ จนทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าสิ่งที่ตนกำลังเล่นอยู่นั้นมีความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อความต้องการของตนเองได้รับการตอบสนองอยู่ตลอดเวลา 

ข้อเสียของการติดเกม
ต่อตนเอง
  • ร่างกาย : ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดหัว อ่อนเพลีย
  • พัฒนาการ(ในเด็ก) : พัฒนาการที่ดีนั้นต้องอาศัยปัจจัยกระตุ้นหรือปัจจัยส่งเสริมในหลายๆ ด้าน เช่น โภชนาการ การเล่น การมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การออกกำลังกาย โดยที่การเล่นเกมแต่เพียงอย่างเดียวจะทำให้ได้สิ่งเหล่านี้ไม่ครบและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการของเด็กได้
  • จิตใจ: ในเด็กอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบขึ้นได้ และอาจมีอารมณ์หงุดหงิด มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง หรือไม่พอใจหากไม่ได้เล่นเกมตามที่ตนต้องการ
ต่อครอบครัว : อาจก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว การปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลงทำให้เกิดความเหินห่าง
ต่อสังคม  : ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการทำงาน
ส่วนสำคัญที่สุดในการป้องกันปัญหาเด็กติดเกม คือ การตั้งกติกาก่อนเล่นเกมครั้งแรก คือ ก่อนที่จะซื้อเกมหรืออนุญาตให้เด็กเล่นเกมครั้งแรก ควรตั้งกติกากันก่อนว่าจะให้เล่นได้กี่ชั่วโมง หรือ จะให้เล่นได้เฉพาะในวันไหนบ้าง

             อย่างไรก็ตามหากเด็กหรือผู้ปกครองรู้จักเลือกประเภทและแบ่งเวลาในการเล่นเกมให้เหมาะสม ก็อาจจะได้รับประโยชน์อยู่บ้าง เช่น ได้รับความสนุกเพลิดเพลิน ได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ได้ช่วยในเรื่องการวางแผน หรือส่งเสริมทักษะด้านภาษา แต่ผู้ปกครองหรือผู้เล่นเกมก็ควรตระหนักอยู่เสมอว่า ทักษะต่างๆเหล่านี้ก็สามารถที่จะได้รับการพัฒนาโดยวิธีอื่นๆ อีก เช่น กิจกรรมสันทนาการ กีฬา ดนตรี เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแลและสังเกตพฤติกรรมการเล่นเกมของเด็กว่าเริ่มเล่นเกมมากเกินไปจนเกิดการติดแล้วหรือยัง เพื่อที่จะช่วยเหลือและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเกิดปัญหาหรือผลเสียที่กล่าวไป
วิธีการสังเกตพฤติกรรมการติดเกม
  1. หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมมากเกินไป ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เล่นในเวลาที่กำหนด
  2. ใช้เวลาในการเล่นนานขึ้นเรื่อยๆ
  3. เมื่อถูกบังคับให้หยุดเล่น จะมีพฤติกรรมต่อต้าน
  4. ส่งผลต่อหน้าที่ ความรับผิดชอบ การเรียน / ทำงาน
  5. แยกตัวออกจากสังคม ไม่ค่อยทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
วิธีช่วยเหลือเด็กติดเกม
  1. ผู้ช่วยเหลือควรจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กก่อนเริ่มการปรับพฤติกรรม
  2. วิธีที่ดีที่สุด คือ การตกลงกติกากันให้ชัดเจนก่อนอนุญาตให้เด็กเล่นเกม
  3. ควรเอาจริงเอาจังกับข้อตกลงหรือกติกาที่ได้ตั้งไว้
  4. สร้างแรงจูงใจในการเลิกให้กับเด็ก เช่น หากกำลังปรับลดชั่วโมงการเล่นเกม ก็ควรหากิจกรรมที่น่าสนใจมาทดแทนการเล่นเกมทันที  และถ้าเด็กทำได้ก็ควรชม /ให้กำลังใจ หรือให้รางวัล
  5. ค่อยๆปรับพฤติกรรมทีละน้อย แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สม่ำเสมอ
  6. หากมีข้อสงสัยควรขอคำแนะนำจากจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก Website เช่นhttp://www.healthygamer.net/
  7. ปัญหาเด็กติดเกมนั้นสามารถป้องกันและแก้ไขได้ซึ่งผู้ปกครองต้องใช้ความเข้าใจและความอดทน โดยไม่ว่าเด็กจะใช้เทคโนโลยีอะไรก็ควรให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะนอกจากเทคโนโลยีจะมีประโยชน์แล้ว หากใช้ไม่เหมาะสม ก็ให้โทษได้เช่นกัน

เเหล่งที่มา http://www.it24hrs.com/2014/problem-of-game/

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

ONET - ข้อสอบโอเน็ตวิชาคอมพิวเตอร์

1. คำถาม : นักเรียนคิดว่าการรับส่งข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์จะใช้สัญญาณแบบใด
ตัวเลือกที่ 1 : แบบคงที่
ตัวเลือกที่ 2 : แบบไม่คงที่
ตัวเลือกที่ 3 : แบบดิจิทัล
ตัวเลือกที่ 4 : แบบแอนะล็อก

เฉลย ตัวเลือกที่ 3 : แบบดิจิทัล

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

2. คำถาม : โพรโทคอลที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ตคืออะไร
ตัวเลือกที่ 1 : IPX/IP
ตัวเลือกที่ 2 : TCP/IP
ตัวเลือกที่ 3 : IPX/SPX
ตัวเลือกที่ 4 : TCP/SPX

เฉลย ตัวเลือกที่ 2 : TCP/IP

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

3. คำถาม : การกระทำใดต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตัวเลือกที่ 1 : สร้างเว็บไซต์ประมูลสินค้า
ตัวเลือกที่ 2 : ติดต่อสื่อสารผ่านโปรแกรม
ตัวเลือกที่ 3 : ค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสืบค้น
ตัวเลือกที่ 4 : ซื้อขายสินค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

เฉลย ตัวเลือกที่ 1 : สร้างเว็บไซต์ประมูลสินค้า

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

 4. คำถาม : สื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลน (LAN) คือข้อใด
ตัวเลือกที่ 1 : สายโทรศัพท์
ตัวเลือกที่ 2 : สายโคแอกซ์
ตัวเลือกที่ 3 : สายตีเกลียวคู่
ตัวเลือกที่ 4 : สายเส้นใยนำแสง

เฉลย ตัวเลือกที่ 3 : สายตีเกลียวคู่

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

5. คำถาม : สายสัญญาณประเภทใดที่ไม่ถูกรบกวนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสามารถส่งสัญญาณได้เร็วที่สุด
ตัวเลือกที่ 1 : สายโคแอกซ์
ตัวเลือกที่ 2 : สายใยแก้วนำแสง
ตัวเลือกที่ 3 : สายตีเกลียวคู่ ชนิดมีฉนวนหุ้ม
ตัวเลือกที่ 4 : สายตีเกลียวคู่ ชนิดไม่มีฉนวนหุ้ม

เฉลย ตัวเลือกที่ 2 : สายใยแก้วนำแสง

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

6. คำถาม : ระบบการสื่อสารหรือรับส่งข้อมูลใดที่ใช้วิธีการนำเอาข้อมูลมาเปลี่ยนเป็นแสงแล้วส่งข้อมูลออกไป
ตัวเลือกที่ 1 : การสื่อสารผ่านดาวเทียม
ตัวเลือกที่ 2 : ระบบเครือข่ายแบบสวิตช์ชิง
ตัวเลือกที่ 3 : การสื่อสารด้วยเส้นใยนำแสง
ตัวเลือกที่ 4 : โครงข่ายบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิทัล

เฉลย ตัวเลือกที่ 3 : การสื่อสารด้วยเส้นใยนำแสง

•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

 7. คำถาม : การใช้งานคอมพิวเตอร์ในข้อใด อยู่ในขั้นจัดเก็บข้อมูล
ตัวเลือกที่ 1 : กุ้ง ใช้แป้นพิมพ์ไร้สายพิมพ์รายงาน
ตัวเลือกที่ 2 : สาว สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ตัวเลือกที่ 3 : ต้อย ใช้เครื่องพิมพ์ฉีดหมึกพิมพ์ภาพสีลงในกระดาษ A4
ตัวเลือกที่ 4 : น้ำหวาน บันทึกงานวิจัยเชิงปริมาณลงในแผ่น DVD-R

เฉลย ตัวเลือกที่ 4 : น้ำหวาน บันทึกงานวิจัยเชิงปริมาณลงในแผ่น DVD-R

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

8. คำถาม : ข้อใด ไม่มี ระบบการทำงานพื้นฐานแบบคอมพิวเตอร์
ตัวเลือกที่ 1 : เครื่องคิดเลข
ตัวเลือกที่ 2 : นาฬิการะบบดิจิทัล
ตัวเลือกที่ 3 : เครื่องฝาก - ถอนเงินอัตโนมัติ
ตัวเลือกที่ 4 : เครื่องคำนวณร้านสะดวกซื้อ

เฉลย ตัวเลือกที่ 2 : นาฬิการะบบดิจิทัล

•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•♥•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

9. คำถาม : ในการเลือกซื้อแป้นพิมพ์เพื่อการใช้งาน ควรพิจารณาจากสิ่งใด เป็นสำคัญ
ตัวเลือกที่ 1 : ราคาถูก
ตัวเลือกที่ 2 : มีความสวยงาม
ตัวเลือกที่ 3 : มีขนาดเล็กกะทัดรัด
ตัวเลือกที่ 4 : มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน

เฉลย ตัวเลือกที่ 4 : มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•
  
10. คำถาม : ข้อใดเป็นการใช้แป้นพิมพ์ที่ไม่ถูกต้อง
ตัวเลือกที่ 1 : วางแป้นพิมพ์ในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
ตัวเลือกที่ 2 : ระมัดระวังมิให้แป้นพิมพ์ได้รับการกระแทก
ตัวเลือกที่ 3 : ใช้แปรงขนอ่อนนุ่มปัดฝุ่นทำความสะอาดเสมอ
ตัวเลือกที่ 4 : เมื่อเกิดคราบบนแป้นพิมพ์ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออกทันที

เฉลย ตัวเลือกที่ 4 : เมื่อเกิดคราบบนแป้นพิมพ์ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออกทันที

•.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.••.¸¸.•.¸¸.•

PHP - ฟังก์ชันการแปลงเลข-หน่วย

เป็นฟังก์ชันที่ใช้แปลงตัวเลขหรือข้อความแสดงตัวเลขฐานหนึ่ง ไปเป็นข้อความหรือตัวเลขฐาน
อื่นๆ มีทั้งฟังก์ชันแปลงฐานใดๆ และฟังก์ชันที่กำหนดเฉพาะฐาน และยังมีฟังก์ชันที่ทำการแปลงหน่วย
ของมุมด้วย ฟังก์ชันในกลุ่มนี้ประกอบด้วยฟังก์ชันต่างๆ ดังนี้
string base_convert (string data,
int frombase, int tobase)
แปลงข้อความเลขฐานหนึ่งไปเป็นอีกฐานหนึ่งโดยระบุฐาน
ของเลขต้นทางและผลลัพธ์ตัวอย่างเช่น
$accessBit = base_convert ("744",8,2);
เป็นการแปลงข้อความจากเลขฐาน 8 เป็นเลขฐานสอง
เป็นต้น
int bindec ( string binary_string) แปลงข้อความแสดงเลขฐานสองให้เป็นเลขจำนวนเต็มฐาน
สิบ
string decbin ( int number) แปลงตัวเลขจำนวนเต็มให้เป็นข้อความแสดงเลขฐานสอง
string dechex ( int number) แปลงตัวเลขจำนวนเต็มให้เป็นข้อความแสดงเลขฐานสิบหก
string decoct ( int number) แปลงตัวเลขจำนวนเต็มให้เป็นข้อความแสดงเลขฐานแปด
float deg2rad ( float number) แปลงตัวเลขมุมที่มีหน่วยเป็นองศาให้เป็นหน่วย radian
int hexdec ( string hex_string) แปลงข้อความแสดงเลขฐานสิบหกให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม
int octdec ( string hex_string) แปลงข้อความแสดงเลขฐานแปดให้เป็นตัวเลขจำนวนเต็ม
float rad2deg ( float number) แปลงตัวเลขมุมที่มีหน่วยเป็นเรเดียนให้เป็นหน่วยองศา
ตัวอย่างเช่น การสร้างฟังก์ชันเพื่อสร้าง color # ที่กำหนดสีให้แก่ HTML tag เช่น <body
bgcolor="#03203A"> ซึ่งต้องการเลขฐานสิบหก จากค่าตัวเลขสีแต่ละสีเป็นเลข 0-255 แสดงดัง
Listing 3.1-1
Listing 3.1-1 colorId-exam.php
1 <?
2 function colorID255($r,$g,$b){
3 $r = min($r,255);
4 $g = min($g,255);
5 $b = min($b,255);
6 return "#" .
7 str_pad(dechex($r),2,"0",STR_PAD_LEFT) .
8 str_pad(dechex($g),2,"0",STR_PAD_LEFT) .
9 str_pad(dechex($b),2,"0",STR_PAD_LEFT);
10 }
11 echo colorID255(200,40,130);
12 ?>
ตัวอย่างนี้ฟังก์ชัน colorID255 รับ argument 3 ตัวเป็นค่าสี integer สำหรับแม่สี red,
green และ blue จากตัวแปร $r, $g และ $b ในตัวอย่างนี้ใช้ฟังก์ชัน 3 ฟังก์ชันได้แก่ min( ) ,
dexhex( ) และ str_pad( ) โดย คำสั่งบรรทัดที่ 3-5 ใช้เพื่อไม่ให้ค่าในตัวแปร $4,$g,$b เกิน 255
เนื่องจากฟังก์ชัน min( ) จะให้ผลจากค่า argument ที่มีค่าน้อยกว่าดังนั้นหากค่าในตัวแปรเกิน 255
จะให้ผลลัพธ์เป็น 255 แต่หากไม่เกินจะให้ค่าเดิม ในบรรทัดที่ 7-9 จะทำการแปลงจากค่าตัวเลขใน
ตัวแปรให้กลายเป็นข้อความที่แสดงเลขฐานสิบหกโดยใช้ฟังก์ชัน dechex( ) และเติมเลข 0 นำหน้าให้
ครบ 2 หลักโดยใช้ฟังก์ชัน str_pad( )

PHP - ฟังก์ชันสุ่มตัวเลข

ในภาษา PHP มีการใช้ฟังก์ชันเกี่ยวกับการสุ่มตัวเลข 2 แบบได้แก่ แบบ libc ซึ่งจะใช้ฟังก์ชัน
rand ( ) และการใช้ฟังก์ชันสุ่มด้วยเทคนิค Mersenne Twister ที่สร้างค่าสุ่มได้เร็วกว่า libc ถึง 4 เท่า
โดยใช้ฟังก์ชัน mt_rand ( ) ทั้งสองฟังก์ชันจะให้ค่าสุ่มเป็นเลขจำนวนเต็มที่กำหนดช่วงข้อมูลได้
หากโปรแกรมใดต้องการสร้างค่าสุ่ม ควรจะใช้คำสั่งเพื่อเริ่มต้นการสร้างตัวเลขสำหรับการสุ่ม
โดยใช้ฟังก์ชัน Seed random number generator ในตอนต้นของ page คำสั่งการเริ่มการสร้าง
ตัวเลขสุ่มนี้ใช้เพียงครั้งเดียวในแต่ละ page แล้วสามารถใช้ฟังก์ชัน rand( ) ได้หลายครั้ง หากไม่ใช้คำ
สั่งเริ่มต้นการสร้างค่าสุ่มจะทำให้ตัวเลขสุ่มเมื่อโปรแกรมทำงานแต่ละรอบได้ค่าที่ซ้ำกัน ฟังก์ชันที่ใช้
เริ่มการสร้างค่าสุ่มคือ srand( ) และ mt_srand( )
การใช้ srand หรือ mt_srand ต้องการ parameter เป็นตัวเลขเพื่อกำหนดค่าตั้งต้นของการ
สุ่ม ซึ่งเทคนิคโดยทั่วไปเราจะใช้ค่าที่ไม่เหมือนกันในแต่ละครั้งที่เพจถูกเรียกให้ทำงาน ซึ่งมักจะดึงเอา
เวลา timestamp ในขณะที่เพจถูกเรียกใช้งาน ที่มีความละเอียดสูง ซึ่งมีฟังก์ชันสนับสนุนคือ
microtime( ) นำมาใช้เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งมักจะใช้ code ดังนี้
srand((float)microtime() * 1000000);
ใน PHP version 4.2.0 เป็นต้นไปไม่จำเป็นต้องเขียนคำสั่ง srand หรือ mt_srand เนื่องจาก
PHP engine จะดำเนินการเองโดยอัตโนมัติ

รายการฟังก์ชันเกี่ยวกับการสุ่มตัวเลขแสดงในตารางต่อไปนี้

int mt_getrandmax ( ) ให้ค่าสุ่มสูงสูงสุดที่สามารถทำได้
void mt_srand ( ) เริ่มการสร้างค่าสุ่มในโปรแกรม
int mt_rand ( [int min, int
max])
สร้างตัวเลขสุ่มโดยสามารถกำหนดค่าสูงสุด ต่ำสุดได้หากไม่กำหนด
จะให้ค่าระหว่าง 0 ถึง ค่าสูงสูดที่สามารถทำได้ (ใช้ฟังก์ชัน
getrandmax หากต้องการทราบค่าสูงสุดที่สามารถทำได้)
int getrandmax ( ) ให้ค่าสุ่มสูงสูงสุดที่สามารถทำได้
int rand ( ) สร้างตัวเลขสุ่ม
void srand ( ) เริ่มการสร้างค่าสุ่มในโปรแกรม

ฟังก์ชันเกี่ยวกับการสร้างตัวเลขสุ่ม สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เช่น การสุ่มรายการข้อมูล
ขึ้นมาแสดง ซึ่งข้อมูลนั้นอาจจะเป็นบทความทีน่าสนใจ รูปภาพ banner โฆษณา ฯลฯ เป็นต้น (ตัวอย่าง
ในหัวข้อ 5.2 บทที่ 5) และนอกจากนี้ยังอาจใช้ฟังก์ชันการสุ่มเพื่อสร้างข้อมูลสำหรับการทดสอบขึ้น
อาจเป็นข้อมูลที่สร้างในระหว่างการทดสอบโปรแกรมหรือสร้างข้อมูลตัวอย่างเก็บลงในไฟล์ข้อมูลหรือ
ฐานข้อมูลสำหรับใช้ทดสอบ หรืออาจสุ่มเพื่อสร้างสภาวะจำลองการทำงาน เช่นสุ่มเวลาที่จะมีข้อมูล
ลำดับถัดไปเข้ามา เป็นต้น

ตัวอย่าง      แสดงการสุ่มข้อมูลตัวเลขที่อยู่ระหว่าง 25-100 จำนวน 50 ค่า แสดงผลโดยมี
เครื่องหมาย comma คั่น
<?
mt_srand();
for ($i=0; $i<50; $i++) {
echo $comma, mt_rand (25,100);
$comma = ', ';
}
?>

PHP - float round (float x)

float round (float x)
ปัดเศษเลขทศนิยมโดยปัดขึ้นหรือลงดูจากค่าทศนิยม 0.5 ผลลัพธ์ได้เลข floating point
ที่มีเศษทศนิยมเป็น x.0

เช่น

round (4.4999) ได้ผลลัพธ์ 4.0
round (4.5) ได้ผลลัพธ์ 5.0
round (-4.4999) ได้ผลลัพธ์ -4.0
round (-4.5) ได้ผลลัพธ์ -5.0

ฟังก์ชันเหล่านี้จะทำการปัดเศษทศนิยมให้เหลือแต่จำนวนเต็มแต่ยังคงได้รับผลเป็นตัวเลขชนิด
floating point เนื่องจากหากใช้ integer อาจไม่สามารถรับข้อมูลขนาดใหญ่ที่มาจากการปัดเศษของ
float ได้หากต้องการให้ปัดตัวเลขตามจำนวนหน่วยของหลักเลขที่ต้องการ เช่น ปัดเลขทศนิยมหลักที่
3 (ปัดให้เหลือเศษเพียง 2 หลัก) ตย. 45.1225 ปัดเศษทิ้งเป็น 45.12 หรือปัดขึ้นเป็น 45.13 ทำได้โดย
ceil ($x/0.01)*0.01 หากต้องการปัดเศษให้เหลือเลขหลังจุด 4 หลักก็จะเป็น ceil ($x/0.0001)
*0.0001 หากต้องการปัดเลขจำนวนเต็มให้เป็นหลักร้อย เช่น 35640 หากปัดขึ้นจะเป็น 35700
สามารถใช้ expression ceil($x/100)*100 ซึ่งหากจะเขียนเป็น expression แบบทั่วไปสร้างเป็น
function ใหม่ได้

เป็น

function ceil2digit ($x,$digit=0) {
$c = pow(10,$digit);
return ceil($x/$c) * $c;
}

โดยที่มีการส่ง argument 2 ตัวได้แก่ $x เป็นค่าที่ต้องการปัดเลข และ $digit จำนวนหลัก
เลขที่ต้องการ เช่นหากจะปัดเลขให้เป็นหลักร้อยคือปัดเลขจำนวนเต็มที่มีเลข 0 ตรงท้าย 2 หลัก จะส่ง
$digit เป็น 2 หากจะปัดเป็นหลักหมื่นคือปัดเลขจำนวนเต็มขึ้น 4 หลัก กำหนด $digit เป็น 4 ในกรณี
ปัดเศษเศษทศนิยมจะกำหนดจำนวนหลักเป็นเลขลบ เช่น หากต้องการปัดเลขเศษทศนิยมให้เหลือ 2
หลัก กำหนด $digit เป็น -2 หากจะปัดเลขเศษทศนิยมให้เหลือ 5 หลัก กำหนด $digit เป็น -5 เป็นต้น
ตัวอย่างการเรียกใช้ฟังก์ชัน ceil2digit( ) แสดงได้ดังนี้

<?
echo ceil2digit(3456,2); // 3500
echo ceil2digit(1401,2); // 1500
echo ceil2digit(1000001,5); // 1100000
echo ceil2digit(356.136589,-4); //356.1366
?>

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

             เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือกลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสารหรือสื่ออื่นใด ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่ายร่วมกันได้ 

             การที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาท และความสำคัญเพิ่มขึ้นเพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งาอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบให้สูงขึ้นเพิ่มการใช้งานด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง เครือข่ายมีตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์ เพียงสองสามเครื่องเพื่อใช้งานในบ้าน หรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายระดับโลกที่ครอบคลุมไปเกือบทุกประเทศ เครือข่ายสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากทั่วโลกเข้าด้วยกันเราเรียกว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ต 

โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 
1. เครือข่ายเฉพาะที่ (Local Area Network :LAN) 
2. เครือข่ายเมือง (Metropolitan Area Network :MAN) 
3. เครือข่ายบริเวณกว้าง ( Wide Area Network :WAN )
การต่อเชื่อมเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระยะใกล้ 
             หากต้องการที่จะนำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาต่อเป็นระบบ โดยใช้ขีดความสามารถเดิมที่มีอยู่ สามารถทำได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้ 
             1. การเชื่อมต่อผ่านช่องทาง Com1, Com2 และ LPT เป็นวิธีที่นำคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ต่อผ่านช่องทาง COM1 หรือ COM2 เพื่อการเคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างกัน
             2. การเชื่อมต่อเข้ากับบัฟเฟอร์เครื่องพิมพ์ เป็นการแบ่งกันใช้เครื่องพิมพ์เพื่อให้การใช้ทรัพยากรเครื่องพิมพ์ (Printer) เกิดประโยชน์มากขึ้น 
             3. การเชื่อมต่อโดยใช้ระบบสลับสายข้อมูล เป็นวิธีการต่อขยายระบบแบบง่าย ๆ ที่ใช้มือช่วยระบบสลับสายข้อมูลทำหน้าที่เหมือนชุมสายโทรศัพท์
             4. การเชื่อมต่อผ่านระบบผู้ใช้หลายคนหลายช่องทาง ระบบผู้ใช้หลายคนขนาดเล็ก ที่อยู่บนไมโครคอมพิวเตอร์มีหลายระบบ เช่น ระบบยูนิกซ์ ระบบลีนุกซ์ ระบบดังกล่าวสามารถเชื่อมขยายเข้ากับสถานีย่อได้มาก เป็นระบบที่ใช้งานร่วมกันได้ในราคาประหยัด 

โครงสร้างระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Topology) 
             เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยสายเคเบิลยาวต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยจะมีคอนเน็กเตอร์เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิล ในการส่งข้อมูลจะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ 
             เครือข่ายแบบดาว (Star Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้ากับอุปกรณ์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของเครือข่ายโดยการนำสถานีต่าง ๆ มาต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลาง การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ด้วยการติดต่อผ่านทางวงจรของหน่วยสลับสายกลาง การทำงานของหน่วยสลับสายกลาง จึงเป็นศูนย์กลางของการติดต่อ วงจรเชื่อมโยงระหว่างสถานี ต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อกัน 
             เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ด้วยสายคเบิลยาวเส้นเดียวในลักษณะวงแหวน การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายวงแหวน จะใช้ทิศทางเดียวเท่านั้น เมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งส่งข้อมูลมันก็จะส่งไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไป ถ้าข้อมูลที่รับมาไม่ตรงตามที่คอมพิวเตอร์เครื่องต้นทางระบุ ก็จะส่งผ่านไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องถัดไปซึ่งจะเป็นขั้นตอน อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ถูกระบุตามที่อยู่จากเครื่องต้นทาง 
             เครือข่ายแบบต้นไม้ (Tree Network) เป็นเครือข่ายที่มีผสมผสานโครงสร้างเครือข่ายแบบต่างๆเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ การจัดส่งข้อมูลสามารถส่งไปถึงได้ทุกสถานี การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอื่น ๆ ได้ทั้งหมด เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเชื่อม รับส่งข้อมูลเดียวกัน 



ที่มา : http://www.dol.go.th/it/index.php?option=com_content&task=view&id=105